ปัจจุบันคนนิยมสักลายกันมากขึ้น ด้วยเหตุผลต่างกันไป เช่น ความชอบส่วนตัว ตามแฟชั่น ความเชื่อ เสริมสิริมงคล สักคู่กับคนรัก เป็นต้น แต่หากมีความจำเป็นที่จะต้องลบรอยสักนั้นออก ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม ก็ต้องการให้ผิวหนังบริเวณนั้นกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม
การลบรอยสัก
วิธีการลบรอยสักมีหลายวิธี เช่น ใช้น้ำยาลบรอยสัก ใช้การกรอผิวบริเวณที่สักออกซึ่งอาจทำให้เกิดแผลเป็นนูนหรือการติดเชื้อได้ หรือ ใช้วิธีสักสีเนื้อทับ ซึ่งเหมาะกับบริเวณเล็กๆ ถ้าเป็นบริเวณกว้างอาจดูไม่เป็นธรรมชาติ อย่างไรก็ตามวิธีที่นิยมใช้ลบรอยสัก ซึ่งได้ผลดีและเกิดผลข้างเคียงน้อยที่สุด คือ การใช้เลเซอร์ลบรอยสัก เลเซอร์จะทำให้เม็ดสีของรอยสักที่อยู่ในผิวหนังแตกตัว มีขนาดเล็กลง และถูกกำจัดออกไปจากร่างกายตามธรรมชาติ ทำให้รอยสักจางลง
ปัจจุบัน เลเซอร์ที่นิยมใช้ลบรอยสัก ได้แก่ ND:YAG Laser ซึ่งควรรักษากับแพทย์ที่ได้รับการอบรมการใช้เลเซอร์ และที่สำคัญต้องมีประสบการณ์ในการใช้เลเซอร์ด้วย เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพและมีผลข้างเคียงน้อย ลำดับแรก แพทย์จะประเมินสีของรอยสัก เพื่อเลือกชนิดของเลเซอร์ ต่อมาคือประเมินระยะเวลาการรักษา ว่าควรรักษาประมาณกี่ครั้ง โดยจะทำการรักษาห่างกันทุก 1-3 เดือน อย่างน้อยประมาณ 5 ครั้งขึ้นไป จนกว่าสีของรอยสักจะจางหมด
การทำงานของเลเซอร์ลบรอยสัก
เม็ดสีของรอยสักจะดูดซับพลังงานของเลเซอร์ ทำให้เกิดการแตกตัวกลายเป็นเม็ดสีที่มีขนาดเล็กลง และถูกกำจัดออกไปจากร่างกายตามธรรมชาติ ทำให้รอยสักจางลง รอยสักแต่ละสี มีความจำเพาะต่อเลเซอร์แต่ละชนิด ทำให้เลเซอร์หนึ่งชนิดไม่สามารถลบรอยสักได้ทุกสี
ดังนั้น ก่อนการรักษา แพทย์จึงต้องประเมินว่ารอยสักนั้นๆ ต้องใช้เลเซอร์ชนิดใด ปัจจุบันมีการสักเป็นสีเนื้อหรือสีขาวเพื่อทับรอยสักเดิม ซึ่งเป็นสีที่ลบยาก เนื่องจากเมื่อยิงเลเซอร์ก็จะเปลี่ยนเป็นสีดำ ทำให้จำนวนครั้งในการยิงเลเซอร์มากขึ้น และระยะเวลาในการรักษานานขึ้น
จำนวนครั้งในการรักษา
ขึ้นอยู่กับความลึกและสีของรอยสัก
การประเมินรอยสัก
-
ขนาดของรอยสัก จะเล็กหรือใหญ่อาจไม่ได้มีผลเท่ากับสี เพราะแต่ละสีมีความยากง่ายในการลบต่างกัน
-
ตำแหน่งของร่างกายที่สัก มีผลต่อการเกิดแผลเป็นหลังการลบรอยสัก เช่น บริเวณหลัง หรือ หน้าอก เป็นตำแหน่งที่เกิดแผลเป็นง่ายกว่าปกติอยู่แล้ว อาจต้องมีข้อควรระวังเพิ่มขึ้น และมีบางตำแหน่งที่ลบยาก เช่น การสักอายไลน์เนอร์ ซึ่งเป็นตำแหน่งใกล้ตา เลเซอร์ที่ใช้ในการลบจะเป็นอันตรายกับจอประสาทตา ทำให้เกิดผลข้างเคียงที่จะทำให้ตาสูญเสียการมองเห็นได้
-
ระดับความลึก ถ้าสักเป็นลักษณะ Professional Tattoo หรือใช้เครื่องสักจะลบไม่ยาก เพราะระดับการสักนั้นอยู่ในระดับเดียวกัน แต่ถ้าสักแบบมือสมัครเล่น การสักจะอยู่คนละระดับกัน ทำให้ยิ่งลบยาก
ขั้นตอนการรักษา
ทายาชาบริเวณรอยสักที่ต้องการจะลบ ก่อนการยิงเลเซอร์ประมาณ 30-45 นาที และทายาลดการอักเสบหลังจากยิงเลเซอร์เสร็จ
การดูแลหลังการรักษา
-
หลีกเลี่ยงการโดนน้ำ 1-2 วัน
-
หลีกเลี่ยงแสงแดด ร่วมกับทาครีมกันแดด เพื่อป้องกันการเกิดรอยดำหลังทำเลเซอร์
-
ทายาตามแพทย์สั่งจนกว่าแผลจะหาย
ระยะห่างในการรักษา
การรักษาแต่ละครั้ง ควรเว้นระยะห่างอย่างน้อย 1-2 เดือน
โดย : พญ.ณภากุล โรจนสุภัค ปริญญาโทสาขาตจวิทยา.,
Fellowship training in Cutaneous and Laser Surgery, Institute of Dermatology, Thailand